Last updated: 25 พ.ค. 2564 | 2787 จำนวนผู้เข้าชม |
เตาอบไฟฟ้า แบบไหนเหมาะสำหรับมีไว้ติดบ้าน
เตาอบไฟฟ้าแบบไหนดี น่ามีไว้ติดบ้าน ? ตาม MASTERCHEF KITCHEN มาดูกัน เตาอบอาหารและเบเกอรี่ขนาดเล็ก-กลาง ดีงาม คุ้มค่า เหมาะสำหรับมือใหม่เพิ่งเริ่มเข้าครัว และคนอยากทำขนมกินเองที่บ้านสุด ๆ ทุกวันนี้ ด้วยสถานการณ์ โควิดระบาด ทำให้หลายๆคนอยู่บ้านมากขึ้น การทำอาหารกินเองมาแรงมากขึ้น พวกอุปกรณ์เครื่องครัวหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ก็เลยกลายเป็นของใช้ในบ้านยอดฮิตที่ทุกคนต้องมี ซึ่งนอกเหนือจากหม้อทอดไร้น้ำมัน กระทะเทฟลอน และหม้อนึ่งไฟฟ้าแล้ว เตาอบเบเกอรี่ หรือ เตาอบไฟฟ้า ก็น่ามีติดบ้านไม่แพ้กัน เนื่องจากใช้งานง่าย หาซื้อสะดวก ราคาหลากหลาย และทำอาหารได้มากมาย ดังนั้นวันนี้ MASTERCHEF KITCHEN ก็เลยพามาดู เตาอบไฟฟ้า ขนาดกะทัดรัด เหมาะกับมือใหม่ แถมทำได้ทั้งของคาว เค้ก และเบเกอรี่ มาฝากกัน
เตาอบไฟฟ้า คืออะไร
เตาอบไฟฟ้า เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทำอาหาร โดยการให้ความร้อนผ่านขดทองแดงที่อยู่ด้านบนและด้านล่างของตัวเครื่อง พร้อมกับใช้พัดลมช่วยกระจายความร้อนให้อาหารสุกอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังสามารถปรับได้ทั้งอุณหภูมิและจุดที่ต้องการให้ความร้อน เช่น ให้ความร้อนทั้งด้านบนกับล่างพร้อมกัน หรือเลือกเพียงด้านเดียว
เตาอบไฟฟ้า แตกต่างจาก ไมโครเวฟยังไง?
แตกต่างตรงที่ไมโครเวฟจะสร้างคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าไปกระตุ้นโมเลกุลจำพวกน้ำและไขมันในอาหารให้เกิดการสั่นสะเทือนจนเกิดความร้อน ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องวอร์มเครื่องก่อนเหมือนเตาอบไฟฟ้า เหมาะกับการทำอาหารคาว เช่น การต้ม การนึ่ง รวมไปถึงการอุ่นอาหาร ละลายน้ำแข็งจากเนื้อสัตว์ และอื่น ๆ ตามฟังก์ชันของตัวเครื่อง ไมโครเวฟบางรุ่นสามารถใช้ทำขนมได้ แต่ราคาก็อาจจะสูงขึ้นตามไปด้วย
ประเภทของเตาอบ
เตาอบมี 2 ประเภทด้วยกัน คือ เตาอบไฟฟ้า และเตาอบแก๊ส มีการใช้งานแตกต่างกันดังนี้
1. เตาอบไฟฟ้า
นอกจากหลักการทำงานของตัวเครื่องที่กล่าวไปแล้ว เตาอบไฟฟ้าจะใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานในการสร้างความร้อน จำเป็นต้องวอร์มเครื่องให้อุ่นก่อนใช้งาน ทำอาหารได้หลากหลาย ทั้งอบ ปิ้ง ย่าง และเบเกอรี่ต่าง ๆ อย่างขนมปัง เค้ก คุกกี้ แต่ไม่เหมาะกับการนำไปอุ่นอาหาร เพราะอาจทำให้อาหารไหม้ได้ ดีไซน์ตัวเครื่องมีขนาดเล็กและราคาต่ำกว่าเตาอบแบบแก๊ส
2. เตาอบแก๊ส
หลักการทำงานจะคล้ายกับเตาอบไฟฟ้า แต่ใช้แก๊สในการสร้างความร้อน ที่ช่วยให้ควบคุมและปรับอุณหภูมิได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ยังเกิดไอน้ำ ช่วยสร้างความชื้นระหว่างการอบ ทำให้ผิวหน้าของอาหารไม่แห้งแข็งจนเกินไป แต่อย่างไรก็ตาม การกระจายความร้อนไม่เสถียรเท่าเตาอบไฟฟ้า ระหว่างใช้จึงควรเช็กอาหารและปรับอยู่เป็นระยะ
สำหรับดีไซน์ตัวเครื่องมีทั้งแบบบิวต์อินหรือตั้งพื้น แต่ราคาสูงกว่า เหมาะสำหรับทำอาหารปริมาณมาก นิยมใช้ในร้านอาหารเป็นส่วนใหญ่
วิธีการเลือกซื้อเตาอบไฟฟ้า
1. เลือกตามการใช้งาน
โดยคำนึงถึงประเภทเมนูที่จะทำว่าเน้นทำอาหารคาวหรือของหวานมากกว่ากัน แล้วเทียบกับโปรแกรมของตัวเครื่องว่าครอบคลุมกับความต้องการหรือไม่ เช่น โปรแกรมอบขนมปัง โปรแกรมอบพิซซ่า โปรแกรมย่างสเต๊ก หรือโปรแกรมละลายน้ำแข็ง เป็นต้น
2. ความจุ
คำนวณจากปริมาณอาหารที่จะทำต่อครั้ง แล้วนำไปเทียบกับความจุของเตาอบไฟฟ้า เพราะยิ่งความจุมากราคาก็จะสูงขึ้น อีกทั้งยังกินไฟมากกว่า และอาจจะเกินความจำเป็น ความจุที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับขนาดของครอบครัวและการใช้งาน คือ
-ทำอาหารสำหรับ 1-3 คน เหมาะกับเตาอบไฟฟ้าความจุ 15-20 ลิตร
-ทำอาหารสำหรับ 3-4 คน เหมาะกับเตาอบไฟฟ้าความจุ 21-30 ลิตร
-ครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ 4-6 คน เหมาะกับเตาอบไฟฟ้าความจุ 32 ลิตรขึ้นไป
3. กำลังไฟฟ้า
เตาอบไฟฟ้ามักจะกินไฟกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่น ๆ เพราะมีกำลังวัตต์สูงถึง 1,800 วัตต์ จึงเป็นอีกส่วนที่ควรนำมาประกอบการพิจารณาก่อนซื้อ เพราะหากเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน มีกำลังไฟไม่มากเกินไป หรือมีระบบช่วยประหยัดพลังงานด้วย ก็จะช่วยลดค่าไฟไปในตัว
4. การแสดงผล
เตาอบไฟฟ้าบางรุ่นจะมีปุ่ม LED สว่างและจอแสดงผลแบบเรืองแสง หรือแผงควบคุมแบบสัมผัสเพื่อปรับตั้งค่าเวลาและอุณหภูมิ รวมไปถึงการตั้งค่าอัตโนมัติในการปรุงอาหารแต่ละชนิด
5. ดีไซน์ตัวเครื่อง
เตาอบไฟฟ้านั้นมีทั้งแบบตั้งโต๊ะ และแบบบิวต์อินไปกับชุดครัว ซึ่งก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของราคา เพราะแบบตั้งโต๊ะจะมีราคาถูกกว่า ขนาดกะทัดรัด ขยับเคลื่อนย้ายได้สะดวก แต่ก็จะทำอาหารในปริมาณที่ไม่เยอะเท่าไร ในขณะที่เตาอบแบบบิวต์อินนั้นจะสามารถปรุงอาหารที่มีขนาดใหญ่และจำนวนมากได้ แต่ก็มีราคาที่สูงและใช้พื้นที่ติดตั้งมากกว่า
6. วัสดุ
วัสดุส่วนใหญ่ที่นิยมนำมาทำเตาอบไฟฟ้า ได้แก่ สเตนเลส เพราะไม่ขึ้นสนิม ทนทานต่อการกัดกร่อน และกัลวาไนซ์ หรือเหล็กชุบสังกะสี เป็นตัวเลือกที่ประหยัดกว่า แต่ก็มีอายุการใช้งานสั้นกว่าด้วย
สำหรับด้านในเตาอบ ทั่วไปมักจะทำจากเหล็กอะลูมิไนซ์ เพราะทนทานและประหยัด และบางรุ่นอาจจะตกแต่งภายในด้วยพอร์ซเลน เพราะผิวเรียบและทำความสะอาดง่าย แต่ก็เสื่อมสภาพเร็วกว่า
7. การดูแลรักษา
ควรเลือกซื้อเตาอบที่สามารถถอดชิ้นส่วนออกมาทำความสะอาดได้ เพื่อรักษาความสะอาดและป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกตกค้างอยู่ในเครื่อง และเตาอบบางรุ่นจะมีโหมดการทำความสะอาดตัวเองด้วยการทำความร้อนสูงถึง 250-500 องศาเซลเซียส เพื่อละลายคราบไขมัน กากและเศษอาหารต่าง ๆ เมื่อเครื่องเย็นลงก็แค่ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเบา ๆ ก็กลับมาสะอาดเหมือนเดิม
8. ระบบความปลอดภัย
ควรเลือกเตาอบไฟฟ้าที่มีระบบเทอร์โมแสตท ไว้ช่วยควบคุมอุณหภูมิและวัดอุณหภูมิ เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องทำงานหนักจนเกิดความร้อนสูงเกินไป และมีสายดินหรือระบบตัดไฟอัตโนมัติ เมื่อมีความร้อนสูงเกิน
9. ฟังก์ชันเสริม
เช่น นาฬิกาจับเวลาปิดเครื่องอัตโนมัติเวลาครบกำหนด เพื่อป้องกันการเปิดเตาอบทิ้งไว้หลังออกจากบ้าน ไฟส่องสว่างภายในตัวเครื่อง เพื่อตรวจสอบอาหารในเตาขณะอบ หรือระบบล็อกประตูเตาอบอัตโนมัติ ป้องกันไม่ให้เปิดระหว่างที่เครื่องกำลังทำงานอยู่
MASTERCHEF KITCHEN มีเตาอบไฟฟ้าหรับมือใหม่ หรือมืออาชีพ มีให้เลือกมากมายหลายแบบ สามารถปรับใช้ได้ตามความต้องการ ควรเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องครัวที่เหมาะสมกับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นสำหรับทำเองที่บ้าน หรือสำหรับธุรกิจ
30 เม.ย 2564
30 เม.ย 2564
30 เม.ย 2564